หญิงอินโดถูกเฆี่ยน จนทรุด หลังทำผิดมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน

หญิงอินโดถูกเฆี่ยน จนทรุด หลังทำผิดมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน

ชาย หญิงอินโดถูกเฆี่ยน หลังจากมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ผิดกฎชารีอะห์ ซึ่งเป็นกฎที่อ้างอิงตามคำสอนของคัมภีร์อัลกุรอ่าน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สำนักข่าว เดลี่เมลล์ รายงานว่า ทางการอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ได้ลงโทษชายหญิงคู่หนึ่งด้วยการเฆี่ยนถึง 17 ครั้ง เพื่อเป็นการลงโทษหลังจากที่ทั้งสองมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ซึ่งถือเป็นการละเมิด กฎชารีอะห์ซึ่งอิงกับคำสอนที่เคร่งครัดตามคัมภีร์อัลกุรอ่าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดใส่ไมโครโฟนขณะที่กำลังเฆี่ยนผู้กระทำผิด 

พร้อมใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกเหตุการณ์นี้ ท่ามกลางสาธารณชนที่มาร่วมชมการลงโทษชายคนดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายหญิงโดนฟาดหลายครั้งจนกทรุดลงไปขณะที่ถูกเฆี่ยนภายหลังฝ่ายชาย จังหวัดอาเจะห์นั้นยังเป็นเมืองเดียวที่ยังอยู่ภายใต้กฎชารีอะห์ โดยนอกจากกรณีแล้ว การเฆี่ยนยังถูกใช้ลงโทษในกรณีที่ประชาชนดื่มเครื่องมึนเมา ประพฤติผิดในกาม หรือ มีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน

ซึ่งทางจังหวัดอาเจะห์เคยประกาศว่าพวกเขาจะยุติการเฆี่ยนผู้กระทำผิดต่อหน้าสาธารณชน และลงโทษภายในเรือนจำแทน อย่างไรก็ตามจำนวนการลงโทษต่อหน้าฝูงชนกลับเพิ่มขึ้น สวนทางกับที่พวกเขาเคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้

เยอรมนี กลายเป็นอีกชาติที่ออกมาเตือนให้ประชาชน อายุต่ำกว่า 30 ปี เลี่ยง ฉีดโมเดอร์นา และให้รับไฟเซอร์แทน ชี้เสี่ยงหัวใจอักเสบ

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาการฉีดวัคซีนของประเทศเยอรมนีหรือ STIKO ได้ออกมาแนะนำให้ประชาชนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ให้ฉีดวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงอาการหัวใจอักเสบน้อยกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนยี่ห้อโมเดอร์นา ซึ่งทาง STIKO ยังได้แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ ไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม

เยอรมันถือเป็นอีกชาติที่ออกมาเตือนถึงการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาในกลุ่มประชาชนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี เพราะก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาด้านสุขภาพของฝรั่งเศส หรือ HAS ได้ออกมาแนะนำให้ประชาชนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี ให้เข้ารับวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์แทนที่ยี่ห้อโมเดอร์นา เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาด้านหัวใจหลังรับวัคซีนโมเดอร์นา

โดยทาง HAS อ้างถึงความเสี่ยงที่พบได้ยากมากจากการฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจที่เรียกว่า กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ พร้อมระบุว่า ประชาชนที่รับวัคซีนไฟเซอร์มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการดังกล่าวน้อยถึงห้าเท่า

‘ทิม คุก’ เผยตนถือ คริปโต อยู่ ปัดแอปเปิลยังไม่มีแผนรับคริปโต

ทิม คุก เผยว่าตนเองก็ศึกษาและลงทุน คริปโต อยู่ ยืนยันว่าในขณะนี้แอปเปิลยังไม่มีรองรับคริปโตแต่อย่างใด กำลังจับตาดูสถานการณ์เพิ่มเติม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน สำนักข่าว นิวยอร์ก ไทมส์ ได้รายงานบทสัมภาษณ์ของ นาย ทิม คุก ประธานคณะกรรมการบริหารหรือ ซีอีโอ ของแอปเปิล ที่ได้เปิดเผยว่าขณะนี้ทางบริษัทกำลังศึกษาอุตสาหกรรมเงินดิจิตัล หรือ คริปโต

โดยทิมคุกปฏิเสธว่าในตอนนี้ทางบริษัทยังไม่มีว่าจะเปิดให้ลูกค้าจ่ายค่าบริการด้วยคริปโต และกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจต่อไป ซึ่งซีอีโอแอปเปิ้ลระบุว่า “ผมจะไม่ไปลงทุนใน คริปโต ไม่ใช่เพราะว่าผมจะไม่ลงทุนด้วยเงินของตัวเอง แต่เพราะผมไม่คิดว่ามีคนซื้อหุ้นแอปเปิ้ล เพื่อเข้าถึงคริปโต”

นอกจากนี้นาย คุก ระบุว่า เขาได้ถือครองสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการกระจายการลงทุนสินทรัพย์ในพอร์ท และเขาให้ความสนใจสกุลเงินดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นาย คุก ย้ำว่าแม้เขาจะมีความสนใจในสกุลเงินดิจิตัล แต่นั่นไม่ได้สะท้อนถึงมุมมองต่อค่าสกุลเงินดิจิตัลของบริษัทแอปเปิ้ลแต่อย่างใด

นักข่าวมะกัน ที่ถูกจับกุมตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่่านมาถูก รบ.เมียนมา ตั้งข้อหาเพิ่ม หากถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจโดนคถกตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 10 พฤสจิกายน สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ทางกองทัพเมียนมาได้ตั้งข้อหา นาย แดนี เฟนสเตอร์ ในข้อหาก่อการร้ายและปลุกระดมมวลชน หลังจากที่เขาถูกจับกุมขณะเดินทางออกจากประเทศในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาที่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจจาก นาง อองซาน สูจี

ซึ่งหากนาย เฟนสเตอร์ ถูกตัดสินให้มีความผิดจริง เขาอาจจะถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ซึ่งนอกจากข้อหานี้แล้วนักข่าวชาวอเมริกันยังถูกตั้งข้อหา ปลุกระดมให้ประชาชนต่อต้านกองทัพ, และ ละเมิดกฎหมายอพยพอีกด้วย

ด้านทนายของผู้ถูกตั้งข้อหาระบุว่า เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากที่ถูกตั้งข้อหาเพิ่ม นอกจากนี้ทางทนายยังได้บรรยายอีกว่านาย เฟนสเตอร์ ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ถูกคุมขัง

การชุมนุมต่อต้านกองทัพเมียนมาเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยให้เหตุผลว่านาง อองซานซูจี โกงการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือน พฤศจิกายน 2563 และนำไปสู่เหตุการชุมนุมประท้วงกองทัพอยู่หลายครั้ง ซึ่งทางกองทัพได้ใช้ความรุนแรงปราบปราบผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุใหม้ผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1,200 ศพ และมีผู้ถูกจับกุมกว่า 6,000 คน

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป